เศรษฐี คนหนึ่งอยู่กรุงเทพฯ
เป็นนักสะสม
ซากสัตว์
เขาสัตว์
งาช้าง
หนัง เสือ
เต็มบ้านไปหมด
ทุกเสาร์ อาทิตย์ ก็ออกไปล่าสัตว์
เมีย มีลูกอ่อนอายุ ประมาณ 3 เดือน
วันหนึ่ง
ขณะออกล่าสัตว์
เห็นลูกลิงตัวหนึ่ง
สวย
น่ารัก
ขนสีขาว
แปลกมาก
อยากได้มาเลี้ยงที่กรุงเทพ ฯ
ก็ปรึกษากับ พรานป่าคนนำทางว่า
ทำอย่างไรจึงจะได้ลูกลิงมาเลี้ยง
พรานป่าบอกว่า
โดย สัญชาตญาณลิงจะรักลูกมาก
รักสุดชีวิต
ตราบใดที่แม่ลิงยังไม่ตาย
ไม่มีใคร สามารถเอาลูกมันออกจากอกได้ มันสู้สุดชีวิต
สุดท้ายเศรษฐีตัดสินใจยิงแม่ลิง ตายแล้วเอาลูกลิงสีขาวมาเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เมื่อยิงแม่ลิงตายก็เอาเนื้อไปแกงให้ ลูกน้องถลกหนัง
เก็บหนังไว้ประดับบ้าน
พอกลับถึงกรุงเทพฯ
ก็เอาลูก ลิงเลี้ยงไว้ในบ้าน
หยอกล้อ
วิ่งเล่นกับลูกลิง
เป็นที่สนุกสนาน
ส่วน หนังลิงตัวแม่
มันยังสดอยู่
มีกลิ่นเหม็น
ก็เอาไปตากแดดที่ลานจอดรถหน้า บ้าน
เช้าวันหนึ่ง
ขณะเมียเศรษฐีกำลังให้นมลูกกินในห้องรับแขก หน้า บ้าน
เมียร้องไห้โฮดังลั่นบ้าน
เศรษฐีตกใจวิ่งลงมาจากชั้นบนโผเข้าไปกอดเมีย และลูกไว้
ใบหน้าตกใจสุดขีด
พยายามถามเมียว่าเกิดอะไรขึ้น
เมียไม่ยอมตอบ เอาแต่ส่ายหน้าแล้วก็ร้องไห้หันไปมองหน้าลูก กำลังหลับตาพริ้ม อย่างมีความ สุข
.
นั่งปลอบเมียอยู่สักครู่
พอเริ่มตั้งสติได้
ถามเมียว่าเกิด อะไรขึ้น
ตกใจเรื่องอะไร
ร้องไห้เรื่องอะไร
เมียไม่ยอมพูดแต่ชี้มือไปที่ ลานจอดรถหน้าบ้าน
เศรษฐีมองตามไปเห็นภาพถึงกับผงะ
ตกใจ
น้ำตาไหล
ไม่รู้ ว่าลูกลิงที่เอามาเลี้ยงไว้หลุดออกไปนอกบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
มันออกไปดูดนม แม่ ที่เป็นหนังแห้งตากไว้ที่โรงรถดูดเสร็จมันก็ก้มลงกอดแม่น้ำตาไหล
เศรษฐี และเมีย ทนดูไม่ได้
ร้องไห้โฮ
คุยกันว่า
ถ้ามีคนทำกับครอบครัวเราอย่างนี้ บ้าง
เราจะรู้สึกอย่างไร
จะเศร้าโศก
เสียใจ
ทุกข์ทรมานใจขนาดไหน ?
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเศรษฐีสั่งให้เอาซากสัตว์ที่สะสม ทั้งหมดไป เผา
อาลูกลิงไปปล่อยในป่า
เลิกออกล่าสัตว์
เข้าวัด
ทำบุญ
อุทิศส่วน กุศลให้แม่ลิง
และขอโหสิกรรม
ทุกครั้งที่ทำบุญจะขอพรทุกครั้งว่า
ขออย่า ให้มีใครมาทำกับครอบครัวเรา เหมือนกับที่เราได้ทำกับครอบครัวลิงตัวนั้น เลย
อาตมาจึงขอฝากไว้ว่า
ถ้ารักลูกของเราจงอย่าทำร้ายลูกคนอื่น
ถ้าอยากให้ครอบครัวของเรามีความสุข จงอย่าทำร้ายครอบครัวคนอื่น
นี่เป็น เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกา....ผู้ชายคนหนึ่งออกมาชื่นชมรถกระบะคันใหม่หน้า บ้าน แต่แล้วก็ต้องเป็นเง็งเมื่อเห็นลูกชายวัย 3 ขวบของเขา กำลังบันเทิงอยู่กับ การเอาฆ้อนทุบให้รถบุบเล่น เขาถลันไปที่ลูกชาย ผลักลูกกระเด็น แล้วคว้าฆ้อนมา ทุบมือลูกจนน่วมเป็นการลงโทษ พอหายสติแตก พ่อก็ตาลีตาเหลือกพาลูกไปโรงพยาบาล แต่แม้ว่าหมอจะพยายามแบบสุดๆแล้ว ก็ไม่สามารถกู้กระดูกที่แหลกเหลวกลับคืนมาได้ จนสุดท้ายก็ต้องจำใจตัดนิ้วเด็กทิ้งจากทั้ง 2 มือ พอเด็กชายฟื้นจากการผ่าตัด และ เห็นมือของเขาที่กลายเป็นตอกุดๆ พันผ้าพันแผล เขาก็พูดกับพ่ออย่างใส ซื่อ ว่า "พ่อครับ ผมขอโทษเรื่องรถกระบะของพ่อนะครับ" แล้วเขาก็ถามต่อว่า ว่าแต่ เมื่อไหร่นิ้วของผมจะงอกใหม่อ่ะ ?" พ่อกลับบ้านแล้วก็ฆ่าตัวตาย ครั้งต่อไปที่มี ใครมาเหยียบเท้าเรา หรือเราคิดถึงการแก้แค้นเอาคืน ขอให้คิดถึงเรื่องนี้นะ คิด ก่อนที่จะหมดความอดทนกับใครสักคนที่เรารัก รถกระบะซ่อมได้ .. แต่กระดูก หัก & ใจเจ็บที่ ชอกช้ำน่ะ เยียวยาไม่ได้แล้ว บ่อยครั้งที่เราลืมความแตก ต่างระหว่างตัวบุคคลกับการกระทำ เราลืมไปว่าการให้อภัยนั้น ยิ่งใหญ่กว่า การแก้ แค้น เป็นคนก็ต้องมีพลั้งพลาด คนเราทำผิดทำพลาดกันได้แต่สิ่งที่เราทำขณะตกอยู่ ในโทสะจริตนั้นจะตามหลอกหลอนเราไปตลอดกาล หยุดคิดตรึกตรอง คิดก่อนทำ เย็นๆ ไว้ รู้จักอภัยและหัดลืม รักให้ทั่วหน้า ทั่วหล้า ถ้าเรามัวแต่คิดตัดสินคนอื่น ( ว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้สมควรโดนอย่างนี้ อย่างนั้น ฯลฯ) เราก็ไม่เหลือเวลา ที่จะรักเขาได้เลย